เช้าวันที่อากาศสดใส เสียงนกร้องประสานเสียงแว่วมาแต่ไกล ราวกับกำลังร้องเพลง ต้อนรับรุ่งอรุณแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องๆ หนึ่ง ในห้องนั้น 'แม่' กำลังนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของแม่พร้อมจ้องมองกล่องใบหนึ่งไว้ โดยหวังไว้ว่า แม่จะได้เปิดกล่องใบนี้พร้อมกับลูกสุดที่รักของเธอ เธอยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอคนนี้ยิ้มเล็กยิ้มใหญ่ให้กับกล่องใบนี้อยู่ตลอดเวลา
ระหว่างนั้น แม่พลันย้อนรำลึกถึงวันวานที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่แม่มีลูกมาอยู่ในท้องของแม่ รู้ไหมว่า แม่นั้นมีความสุขมากเพียงใด
แม่เฝ้าทะนุทนอมลูกรักที่ยังอ่อนแอภายในท้องอย่างน่าเอ็นดู
.
แม่ไม่เคยบ่นออกมาว่ารำคาญ หรือทรมานที่มีลูก แม้ลูกจะสร้างความลำบากให้แม่มากมาย แต่เมื่อเทียบความสุขกับการได้เห็นหน้าของลูกที่มีเชื้อสายของแม่
มันมากกว่าความยากลำบากที่แม่ประสบเสียอีก
กาลเวลาของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเวลาที่ลูกน้อยเติบโตขึ้นจนเป็นหนุ่มสาวที่แข็งแรงและเปี่ยมด้วยพลัง
เมื่อครั้งวัยเด็กแม่คอยสั่งสอนลูก อบรมบ่มเพาะนิสัยที่ดีต่างๆให้ลูกได้รับรู้ แม้ว่าลูกจะเล่นซนหรือดื้อรั้นก็ตาม
เมื่อครั้งวัยเรียน แม่คอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้กับเราจนเราได้ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เมื่อครั้งเรามีความทุกข์ แม่ก็ทุกข์... เมื่อครั้งเรามีความสุข แม่ก็จะสุขด้วยพร้อมเรา...
จากเช้าตรู่เข้าสู้พลบค่ำอย่างรวดเร็ว แม่นั่งคอยบนเก้าอี้ตัวเดิม พร้อมจ้องมองไปที่ประตูด้วยความคาดหวัง บางอย่างอยู่ภายในประตูบานหนึ่ง
หกโมงเย็นก็แล้ว... หนึ่งทุ่มก็แล้ว.... สี่ทุ่มก็แล้ว ก็ยังไม่เห็นใครหรือสิ่งใดเปิดประตูเข้ามา มีเพียงแสงจากเทียนไข ที่คอยอยู่เป็นเพื่อน...
คงไม่มาอีกแล้วสินะ.... แม่มีรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า มันเป็นเป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเปิดกล่องใบหนึ่งใบนั้นขึ้นมา
ภายในกล่องนั้นคือเค้กปอนด์หนึ่ง แม้ว่าจะจัดดูไม่สวยงาม แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป บนเค้กก้อนนั้นมีเขียนคำกล่างหนึ่งหนึ่งไว้ว่า “สุขสันต์วันเกิดนะลูก”
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู” คำร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดพรั่งพรูออกมา แต่เสียงร้องเพลงมิได้บอกว่ามีความสุข แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความทุกข์...
มันเปี่ยมด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าของแม่คนหนึ่งที่มีต่อลูกน้อยที่แม้ว่าจะเติบใหญ่แล้วก็ตาม
ลูกจะรู้ไหมว่า ไม่มีเสียงใดที่ไพเราะและมอบความสุขได้เท่ากับเสียงแรกที่ลูกเปล่งออกมา
ลูกจะรู้ไหมว่า ไม่มีภาพใดที่จะดูแล้วมอบกำลังใจให้แม่ได้เท่ากับภาพที่ลูกนั้นแข็งแรงและคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
ลูกจะรู้ไหมว่า ไม่มีการกระทำใดที่จะทำให้แม่ได้รู้จักความรักที่มากมายได้เท่ากับลูกที่กอดแม่และพูดบางคำออกมาจากหัวใจว่า “รักแม่”
.... และตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมของแม่ได้ ตอนนี้แม่ไม่ต้องการเงินทองมากมายจนซื้อของแพงได้ แม่ไม่ต้องการสิ่งของที่ลูกสรรหามามอบให้แม่
ลูก...แม่อยากเห็นลูก... ลูกน้อยของแม่ที่เติบโตออกไปให้แม่ได้เห็นอีกครั้งว่าลูก...ยังแข็งแรงดีและสบายดี ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่านี้อีกแล้ว... ขอให้ลูกได้กลับมาพูดกับแม่สักคำ...สักครั้ง...นะ...
น้ำตาของแม่ไหลออกมาเป็นสายทาง ก่อนจะเป่าลมดับเทียนฉลองวันเกิดให้ลูกตามลำพัง
ภายใต้ค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงาที่ความหวังนี้ไม่ร็ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร....
....แม่เฝ้าอุ้มท้องเรา 9 เดือนกว่าด้วยจิตใจที่รักเราและทนต่อความยากลำบากมากมายให้เราได้มีชีวิตเกิดมาได้อย่างสมบูรณ์ แม่เดินจนเท้าแตกร้าวและแห้งกราน แต่ก็ยังกัดฟันสู้ต่อไปเพียงเพื่ออนาคตที่ดีของลูก
แล้วพวกลูกๆทั้งหลายล่ะ ได้กลับมามองเห็นถึงจุดนี้บ้างหรือเปล่า เคยมองย้อนกลับไปไหมว่าใครกันที่อยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา ใครกันที่มอบทุกอย่างให้เรา เพื่อให้ลูกได้มีความสุขโดยไม่นึกถึงต่อความยากลำบากนานา
คำกล่าวคำสั้นๆแต่เปี่ยมด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมากมายนั้นเคยได้กล่าวกับแม่หรือยัง?
การปฏิบัติเล็กๆน้อยๆแต่มากมายด้วยคุณค่าเคยมอบให้แม่หรือยัง?
สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรที่จะเขียนต่อได้.... นอกจากคำว่า รักแม่ ที่มอบให้แม่สุดที่รักของผม
........แม่ครับ....ผมรักแม่นะครับ.....
ความคิดเห็น